สวัสดีค่ะ ลัคกี้ จากทวิตเตอร์ @𝙇𝙪𝙘𝙠𝙮𝙨𝙚𝙮𝙤 นะคะ
ตั้งแต่ทำบล็อกมา ยังไม่ได้รีวิวสกินแคร์จริงๆ จังๆ เลย ทั้งๆ ที่ความตั้งใจแรกที่อยากทำบล็อก 
คือต้องการให้ความรู้ และแนะนำสกินแคร์ที่ใช้ เพราะอยากเขียนยาวๆ บ้าง 
ต่อไปนี้ลัคกี้จะเริ่มมาลงในบล็อกบ่อยๆ แล้วนะคะ 
.
ขอประเดิมบล็อกเกี่ยวกับสกินแคร์ ด้วยไอเทมที่ลัคกี้ชอบมากที่สุด ทั้ง 3 ตัว
เป็นสกินแคร์ที่ใช้หลังจากที่สิวหาย และทิ้งรอยสิวไว้เป็นอารยธรรมบนใบหน้านานแสนนาน
มีไอเทมไหนบ้างที่ลัคกี้จะหยิบมาใช้เวลาเจอเหตุการณ์นี้
มาดูกันเลยค่ะ
.
วันนี้ลัคกี้จะให้คะแนนความพึงพอใจทุกตัวโดยมีคะแนนเต็มที่ 5 คะแนน
ดังนี้ค่ะ 
5 = มากที่สุด 
4 = มาก 
3 = ปานกลาง 
2 = น้อย 
1 = น้อยที่สุด
.
เกณฑ์ที่ใช้คือ
1. เหมาะกับสภาพผิวของลัคกี้ (ผิวผสม ขาดน้ำ)
2. เห็นผลเร็ว
3. ผิวกระจ่างใสขึ้น
4. กลิ่นไม่ฉุน
5. หาซื้อง่าย
.

         1) 𝘉𝘒 𝘢𝘤𝘯𝘦 𝘦𝘹𝘱𝘦𝘳𝘵 𝘣𝘳𝘪𝘨𝘩𝘵


ตัวนี้ลัคกี้รีวิวไปบ่อยมากในทวิตเตอร์ และเป็นไอเทมที่แนะนำคนรอบตัวไปมากที่สุด
เป็นไอเทมจากแบรนด์ BK ที่โด่งดังเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รักษาสิวมากๆ และตัว Acne expert bright ก็เหมาะกับคนที่เพิ่งสิวหายมากๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้รอยสิวลดลงแล้ว ผิวยังกระจ่างใสขึ้นด้วย ลัคกี้ประทับใจตัวนี้มาก เพราะเวลาลัคกี้แพ้อะไรมาสักอย่าง จนทำให้ผิวมันขาดสมดุล ใช้อะไรก็ไม่ดีขึ้นเลย หวังให้ผิวมีน้ำมีนวลขึ้นยากมาก แต่ใช้ตัวนี้แล้วผิวกลับมาสดใสเหมือนเดิมได้เลย 
.
.
สิ่งสำคัญนอกจากผลลัพธ์ที่เราได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว
BK ance expert bright ไม่มีพาราเบน แอลกอฮอล์ และไม่ใส่น้ำหอม
ดังนั้น คนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับสารเหล่านี้ ก็สามารถใช้ได้นะคะ
.
และขอพูดตรงนี้เพื่อเป็นความรู้ให้แก่ทุกคนนะคะ ถึงสาวๆ คนไหนไม่ได้แพ้น้ำหอม หรือพาราเบน 
ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารเหล่านี้ให้น้อยที่สุด หรือค่อยๆ น้อยลงก็ยิ่งดีค่ะ 
เพื่อสุขภาพผิวของเราเองนะคะ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่ทำผลิตภัณฑ์ปราศจากสารเหล่านี้ออกมา โดยเฉพาะ BK คือทุกผลิตภัณฑ์ของเขาเหมาะกับคนแพ้ง่ายมากๆ สินค้าทุกชิ้นไม่มีสารที่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือเป็นอันตรายแน่นอนจ้า

𝘉𝘒 𝘢𝘤𝘯𝘦 𝘦𝘹𝘱𝘦𝘳𝘵 𝘣𝘳𝘪𝘨𝘩𝘵
แบบหลอด ปริมาณ 30ml
ราคา 359฿
หาซื้อได้ที่ วัตสัน (มีโปรบ่อยๆ) และร้านเครื่องสำอางทั่วไปค่ะ
.ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bk acne
ใครที่อยากลองใช้ก่อน สามารถวิ่งไปที่เซเว่นได้เลยทุกสาขาค่ะ
อยู่ในโซนครีมซอง ราคาเพียงซองละ 49฿ ใช้ได้ประมาณ 7 วัน กำลังพอดีค่ะ
.
.
มาให้คะแนนกันนะคะ
เกณฑ์ที่ใช้คือ
1. เหมาะกับสภาพผิวของลัคกี้ (ผิวผสม ขาดน้ำ)
= ให้ 4 คะแนน หักตรงเนื้อครีมบางเบา อาจเหมาะกับคนผิวมันมากกว่า 
ลัคกี้ใช้แล้วก็ต้องทาหลายรอบ เพราะอยากใช้แค่ตัวเดียว
2. เห็นผลเร็ว 
= ให้ 5 คะแนน ค่อนข้างเห็นผลไว และผิวก็ใสขึ้นด้วย
3. ผิวกระจ่างใสขึ้น
= ให้ 5 คะแนน อย่างที่บอกไปเลย ว่าผิวกระจ่างใสขึ้น มีน้ำมีนวลมากขึ้น
4. กลิ่นไม่ฉุน
= ให้ 5 คะแนน ไม่มีหลิ่นอะไรเลย
5. หาซื้อง่าย
= ให้ 5 คะแนน สามารถหาซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขา และที่ร้านเครื่องสำอาง


           2) 𝑪𝒐𝒓𝒆𝒂𝒏𝒂 𝑷𝒆𝒑𝒕𝒊𝒅𝒆 𝒔𝒉𝒐𝒕
เซรั่มสัญชาติเกาหลี ที่บูมมากในทวิตเตอร์ช่วงนึง ซึ่งลัคกี้ก็เป็นหนึ่งคนที่เป็นทาสการตลาด ทำการสั่งพรีกับเขาไป ;-; 

แต่หลังจากที่ได้สั่งมาครั้งนึง ก็สั่งไปอีก จนตอนนี้ใช้มา 3 ขวดแล้ว 
นอกจากตัว Peptide shot ลัคกี้ก็ได้ลองตัวอื่นบ้าง แต่ที่ติดใจที่สุดก็คือตัวนี้ เลยจะมาพูดถึงกัน
.
ตัวนี้ที่ลัคกี้ได้หยิบมาใช้ในการรักษารอยสิว ก็เพราะเขามีความชุ่มชื้นมากก เรียกได้ว่า "มัน"
สามารถมาทอดไข่ที่หน้าได้เลย แต่ความชุ่มชื้นนี่แหละ ถ้าได้รับอย่างเพียงพอ จะช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น ดังนั้นวิธีเพิ่มความชุ่มชื้นนี้จึงเหมาะกับคนที่ว่าง และรักษาผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าใครที่ผิวมันมากๆ ก็อาจจะไม่ชอบความเหนอะหนะของตัวนี้ อาจจะต้องข้ามไป
.
นอกจากช่วยปรับสีผิวแล้ว ตัวเปปไทด์ขาวๆ ยังช่วยทำให้รูขุมขนกระชับด้วย
อาจจะแนะนำตัวนี้ให้คนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนด้วยค่ะ รับรองว่าเวิร์คมากๆ
.
สิ่งสำคัญ สำหรับคนที่กำลังจะกดสั่งนะคะ ถามตัวเองก่อน ว่าแพ้น้ำหอมหรือเปล่า
เพราะตัวนี้กลิ่นน้ำหอมแรงมาก ฉุนที่สุดเท่าที่เคยใช้สกินแคร์ทุกชิ้นรวมกัน
ตัดน้ำหอมออกครึ่งนึงก็ยังฉุนอะ ฉุนอะไรขนาดนั้น ไม่ได้ดิสเครดิตแบรนด์นะคะ แต่เรื่องนี้คนเซนซิทีฟจริงๆ ก็มี และอยากบอกว่าถ้าใครแพ้น้ำหอมไม่ควรเสี่ยงนะคะ
.
.
𝑪𝒐𝒓𝒆𝒂𝒏𝒂 𝑷𝒆𝒑𝒕𝒊𝒅𝒆 𝒔𝒉𝒐𝒕
มีปริมาณ 30 ml. และ 60 ml.
ส่วนราคาก็ไม่ทราบแน่นอน เพราะเป็นสินค้าพรีออเดอร์
ที่สำคัญคือต้องซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น จะได้ไม่ได้ใช้ของปลอม หน้าจะแหกมากกว่าเดิมนะคะ
.
มาให้คะแนนกันนะคะ
เกณฑ์ที่ใช้คือ
1. เหมาะกับสภาพผิวของลัคกี้ (ผิวผสม ขาดน้ำ)
= ให้ 3 คะแนน ทั้งรักทั้งเกลียด คือผิวขาดน้ำจริง แต่บางทีก็มันไป 
อาจจะทาตอนกลางคืนเวิร์คกว่าทาก่อนแต่งหน้า
2. เห็นผลเร็ว 
= ให้ 1 คะแนน ตรงที่ไฮไลท์ไว้นะคะ ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ 
เพราะความชุ่มชื้นต้องใช้เวลามากจริงๆ
3. ผิวกระจ่างใสขึ้น
= ให้ 5 คะแนน ผิวฉ่ำขึ้นจริงๆ และปรับสีผิวให้ดูสว่างขึ้นด้วย  
4. กลิ่นไม่ฉุน
= ให้ 1 คะแนน คือแทบไม่อยากให้คะแนนด้วยซ้ำเพราะฉุนมาก คือหล่อนใส่น้ำหอมมากลบกลิ่นอะไรอะ เพราะมันฉุนมาก ทาตรงจุดชีพจรคนยังคิดว่าฉีดน้ำหอมมาเหรอ คนที่เซนซิทีฟเรื่องกลิ่นควรหนีไป
5. หาซื้อง่าย
= ให้ 1 คะแนน ถ้าอยากหาซื้อจริงๆ คือที่เกาหลี แต่ถ้าใครที่สามารถหาร้านพรีออเดอร์ได้ ก็ควรดูเครดิตร้านดีๆ เพราะสินค้าดังเสี่ยงได้ของปลอมค่ะ



3) 𝑮𝒐𝒐𝒅𝒂𝒍 𝒈𝒓𝒆𝒆𝒏 𝒕𝒂𝒏𝒈𝒆𝒓𝒊𝒏𝒆 𝒗𝒊𝒕𝒂 𝒄 𝒅𝒂𝒓𝒌 𝒔𝒑𝒐𝒕 𝒔𝒆𝒓𝒖𝒎


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ goodal green tangerine vita c dark spot serum

ไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงตัวนี้เท่าไหร่ Goodal และเซรั่มตัวนี้ เป็นไอเทมที่เราตั้งปณิธานไว้เลย
ว่าถ้าถึงเกาหลีจะซื้อทันที ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น เพราะเข้าร้าน Clio ก่อนอันดับแรก และหยิบตัวนี้เลยทันที
เราโดนบิวตี้บล็อกเกอร์เกาหลีป้ายยาตัวนี้มา นางใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้เยอะมาก และผิวนางดีมากกก เราเลยแคปไว้จนไปเกาหลีก็สอยทันที
.
ตัวนี้ช่วยเรื่องสีผิว และรอยสิวแน่นอน เพราะเป็นแนวVit C ขนาดนี้ ซึ่งก็ดีมากๆ ตัวนี้เห็นผลไวมากๆ
ทั้งรอยสิว และความกระจ่างใส อีกอย่างคือผิวกระชับมากๆ ช่วงนั้นคือเพิ่งกลับจากเกาหลี ผิวก็ดีขึ้นกว่าตอนอยู่ไทยมากๆ ช่วงนั้นเลยไม่มีสิวเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวนี้ หรือเป็นเพราะอากาศที่เกาหลีดีด้วย สิวไม่ค่อยขึ้น รอยสิวเก่าๆ ก็เริ่มหายเร็วขึ้น ผิวก็กระจ่างใสขึ้นมาก เวลาแต่งหน้าใช้คูชั่นเงาๆ ยิ่งทำให้ผิวดีมากๆ เลยค่ะ
.
มาพูดในส่วนที่เราไม่ชอบบ้าง
อย่างแรกคือ เหมือนนางกัดผิวเราค่ะ คือทาบริเวณที่สิวเพิ่งหาย หรือบริเวณที่เป็นผิวบางไม่ได้เลย เพราะแสบมากๆ บางทีทาตอนหน้าแห้ง (หลังล้างหน้ายังไม่เช็ดโทนเนอร์) ก็แสบผิวจนผิวแดง คือขนาดเราเป็นคนผิวคล้ำ ยังเห็นว่าผิวแดงอะ อีกอย่างคือด้วยความที่เป็นเซรั่มที่บางเบามาก เราจึงต้องใช้คู่กับครีมด้วย ไม่งั้นเหมือนไม่ได้ทาอะไรลงไปเลย เพราะซึมไวมากๆ เราก็มีครีมของเขา จากเซ็ตเดียวกัน ซึ่งตัวนั้นก็ทาแล้วก็แสบๆ บริเวณสิวเหมือนกัน เพราะเป็นVit C ที่ค่อนข้างแรงเหมือนกันค่ะ
.
ตัวนี้เราใช้แค่ขวดเดียวเท่านั้น เสียดายมากๆ อยากลองสั่งมาใช้อีกรอบเหมือนกัน
ถ้าผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังนะคะ แต่ขอลองคิดดูก่อน เพราะดูจากข้อเสียนางแล้ว ก็คงต้องพักยาวๆ


𝑮𝒐𝒐𝒅𝒂𝒍 𝒈𝒓𝒆𝒆𝒏 𝒕𝒂𝒏𝒈𝒆𝒓𝒊𝒏𝒆 𝒗𝒊𝒕𝒂 𝒄 𝒅𝒂𝒓𝒌 𝒔𝒑𝒐𝒕 𝒔𝒆𝒓𝒖𝒎
ตอนลัคกี้ไปซื้อ มีแบบเซ็ตนี้ค่ะ
เป็นเซรั่มไซส์จริง และมีเซรั่ม+ครีม ขนาดทดลองให้อีกอย่างละ 1 ชิ้น
ราคาก็ประมาณ 400 กว่าบาท (จำไม่ได้เพราะซื้อเป็นเงินวอนค่ะ)
ที่ช้อป Clio ไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีหรือเปล่านะคะ อาจหาซื้อยากนิดนึง
.

มาให้คะแนนกันนะคะ
เกณฑ์ที่ใช้คือ
1. เหมาะกับสภาพผิวของลัคกี้ (ผิวผสม ขาดน้ำ)
= ให้ 3 คะแนน ซึมเร็วมาก แห้งไป
2. เห็นผลเร็ว 
= ให้ 5 คะแนน ด้วยความที่นางแรงมาก เห็นผลไวมาก ผิวใสสุด แต่ต้องระวังเรื่องกัดผิวนะคะ
3. ผิวกระจ่างใสขึ้น
= ให้ 5 คะแนน กระจ่างใสมาก รูขุมขนกระชับด้วย
4. กลิ่นไม่ฉุน
= ให้ 4 คะแนน หักเพราะกลิ่นนางแรง เป็นกลิ่นส้มที่แรง แต่ถ้าถามเราคือเราไม่ได้แพ้ และชอบกลิ่นนี้ด้วย แต่ถ้าใครเกลียดน้ำหอมก็อาจจะต้องข้ามไป
5. หาซื้อง่าย
= ให้ 1 คะแนน เพราะนี่ซื้อที่เกาหลีเลยค่ะ ยากมากกกกก หาซื้อยากกว่า Coreana อีกเพราะนางก็ไม่ค่อยบูม ร้านคอสเมติกทั่วไปก็ไม่ค่อยเอามาวาง ก็ต้องพรีอย่างเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกร้านที่จะเปิด คือหาซื้อยากจริง
.

หลังจากรีวิวครบทีละตัวแล้ว ลัคกี้ขอมาสรุปคร่าวๆ
เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจนะคะ

1. เหมาะกับผิวมัน = Coreana
2. เหมาะกับผิวทั่วไป ทุกสภาพผิว = BK
3. เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบความเหนอะหนะ = Goodal
4. เหมาะกับคนแพ้น้ำหอม = BK
6. ช่วยเรื่องรูขุมขน = Coreana
7. ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน = BK
8. สำหรับคนที่เน้นความกระจ่างใสมากๆ แบบเร็วๆ = Goodal
9. หาซื้อง่ายที่สุด = BK
10. ราคาถูกที่สุด = BK
.
.

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับรีวิวแรกที่มาแนะนำไอเทมสำหรับรักษารอยสิว
ถ้าเพื่อนๆ มีตัวไหนที่กำลังใช้อยู่ แล้วอยากจะแนะนำลัคกี้บ้าง ก็ส่งเข้ามาได้นะคะ

ใครที่อยากอ่านรีวิวลัคกี้ ไปตามได้ที่ ทวิตเตอร์ @luckyseyo นะคะ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
รักค่ะ





.